12 ก.ค. 2554

การดูแลน้องหมาตั้งท้อง

เครดิตบทความจาก http://dogclub.in.th


การดูแลน้องหมาตั้งท้อง

เมื่อน้องหมาผสมพันธุ์กันไปแล้ว สิ่งหนึ่งที่มักตามมาก็คือ น้องหมาเพศเมียตั้งท้อง เจ้าของน้องหมาหลายท่านเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการดูแลน้องหมาตั้งท้อง อาจจะไม่มั่นใจว่าจะต้องดูแลว่าที่คุณแม่หมากันอย่างไรบ้าง วันนี้เรามีข้อมูลดีๆมาฝากกันค่ะ

ระยะเวลาในการตั้งท้อง

น้องหมาใช้เวลาในการตั้งท้องนานประมาณ 57-72 วัน (โดยมากอยู่ที่ 60-65 วันหรือประมาณ 2 เดือน) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนับด้วยว่านับวันใดเป็นวันแรก เช่น บางคนอาจนับวันที่น้องหมาผสมพันธุ์กันครั้งแรกเป็นวันที่ 1 ของการตั้งท้อง ซึ่งอาจไม่ใช่วันที่มีการตกไข่และเกิดการปฏิสนธิระหว่างไข่กับตัวอสุจิก็ได้ ทำให้นับแล้วสุนัขมีอายุท้องที่นานกว่าคนอื่นนับก็ได้ แต่บางคนอาจนับจากวันที่เกิดการตกไข่ไปจึงทำให้จำนวนวันน้อยกว่าก็ได้ เช่น ในกรณีที่เราไปผสมกับสุนัขจากฟาร์มน้องหมา โดยมากมักจะจัดให้มีการขึ้นผสม 2-3 รอบ แต่ครั้งที่น้องหมาผสมติดจริงอาจเป็นครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ที่ผสมก็ได้ ทำให้นับวันได้ตั้งท้องนานกว่าความเป็นจริงได้ค่ะ


จะรู้ได้อย่างไรว่าน้องหมาตั้งท้อง

เมื่อมีการผสมพันธุ์ไปแล้ว เจ้าของหลายท่านคงอยากทราบว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะบอกได้ว่าน้องหมาของเราท้องหรือไม่ ซึ่งวิธีการตรวจครรภ์สุนัขก็มีหลายวิธีดังนี้

การใช้มือคลำตรวจท้อง สามารถเริ่มคลำพบลูกสุนัขเมื่ออายุท้องประมาณ 28-35 วันขึ้นไป เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องใช้เครื่องมือ แต่ผู้คลำต้องมีประสบการณ์ในการคลำท้องพอควร จึงอาจทำให้วิธีนี้ไม่ค่อยแม่นยำนักในการบอกว่าท้องหรือไม่ และอาจบอกจำนวนลูกไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกในครอกนั้นมีหลายตัวมาก
การถ่ายภาพรังสีเอกซเรย์ โดยสามารถเอกซเรย์เห็นโครงสร้างกระดูกของลูกได้ตั้งแต่อายุท้อง 44-45 วันขึ้นไป ข้อดีคือ สามารถบอกจำนวนลูกในท้องได้ค่อนข้างแม่นยำกว่าวิธีอื่น แต่ก็ไม่ 100% นะคะ เพราะบางครั้งเมื่อจับแม่สุนัขในท่าเพื่อเอกซเรย์ ตัวลูกอาจมาอยู่ซ้อนกันทำให้มองเห็นลูกน้อยกว่าความเป็นจริง ดังนั้นเวลาแปลผลจากฟิล์มเอกซเรย์ คุณหมอจึงมักจะบอกว่าน่าจะท้องอย่างน้อยกี่ตัวมากกว่าจะฟันธงจำนวนลูกไปเลย และข้อดีอีกเรื่องหนึ่ง คือ ถ้าเอกซเรย์ในช่วงที่ลูกในท้องพัฒนาเต็มที่แล้ว (โดยมากคือ อายุท้อง 56-58 วันขึ้นไป) ก็จะสามารถเปรียบเทียบขนาดของลูกเมื่อเทียบกับเชิงกรานแม่ว่าลูกตัวใหญ่หรือไม่ ทำให้ช่วยทำนายได้ว่ามีโอกาสคลอดยากหรือไม่ แต่มีข้อเสีย คือ ไม่สามารถบอกได้ว่าลูกสุนัขมีชีวิตหรือไม่ และเมื่อเทียบกับวีธีอื่นแล้วต้องรอนานกว่าจึงจะสามารถใช้วิธีนี้ในการตรวจการตั้งท้องได้ค่ะ
การอัลตราซาวนด์ สามารถตรวจการตั้งท้องได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 28 วัน ขึ้นไป ซึ่งวิธีนี้มีข้อดี คือ บอกได้ว่าน้องหมาท้องหรือไม่ได้แม่นยำกว่าการคลำและรวดเร็วกว่าการเอกซเรย์ ถ้าอัลตร้าซาวนด์ในช่วงท้ายของการตั้งท้องก็สามารถบอกขนาดตัวลูกได้ (แต่การอัลตร้าซาวนด์อย่างเดียวไม่สามารถบอกได้ว่าขนาดลูกเมื่อเทียบกับเชิงกรานแม่ จะใหญ่จนคลอดยากหรือไม่นะคะ เพราะการอัลตร้าซาวนด์ไม่สามารถบอกขนาดเชิงกรานแม่ได้ค่ะ) และยังสามารถบอกได้ด้วยว่าลูกสุนัขในท้องมีชีวิตอยู่หรือไม่ ส่วนข้อเสีย คือ ค่าใช้จ่ายในการตรวจสูงกว่าวิธีอื่น และใช้ในการนับจำนวนลูกได้ไม่แม่นนัก (ส่วนใหญ่คุณหมอที่นับจำนวนลูกได้ค่อนข้างแม่นยำจากการอัลตร้าซาวนด์ มักจะต้องเป็นคุณหมอที่มีประสบการณ์ในการอัลตร้าซาวนด์น้องหมาตั้งท้องค่อนข้างสูงค่ะ)
ส่วนตัวของผู้เขียนนั้น ถ้าเจ้าของน้องหมาซีเรียสกับเรื่องการตั้งท้องมาก อาจจะให้พาน้องหมาไปอัลตร้าซาวนด์ดูว่าท้องจริงหรือไม่ และลูกยังมีชีวิตอยู่ดีหรือไม่ และเมื่อท้องในช่วงวันท้ายๆ จะให้มาเอกซเรย์เพื่อนับจำนวนลูกและดูขนาดลูกเมื่อเทียบกับเชิงกรานของแม่สุนัขค่ะ การทราบจำนวนลูกจะมีประโยชน์ในแง่ที่ว่า เมื่อถึงวันคลอดจริง เราจะได้รู้ว่าน้องหมาคลอดลูกได้ครบเองหรือไม่ เพราะน้องหมาบางตัวอาจหมดแรงในการเบ่งลูกตัวหลังๆ ไม่สามารถคลอดเองได้ เจ้าของก็จะได้พาไปให้สัตวแพทย์ช่วยคลอดหรือผ่าตัดทำคลอดต่อได้ค่ะ



อาหาร ในช่วงที่ผสมและช่วงแรกของการตั้งท้อง (อายุท้องประมาณ 28-30 วันแรก) ยังสามารถให้อาหารสูตรปกติสำหรับน้องหมาโตเต็มที่ทานได้ แต่ควรเป็นอาหารที่มีคุณภาพดี แต่ช่วงท้ายของการตั้งท้อง โดยเฉพาะ 3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนการคลอด ลูกสุนัขในครรภ์จะเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้แม่สุนัขต้องการพลังงานและสารอาหารมากกว่าปกติ ดังนั้นระยะนี้จึงควรปรับสูตรอาหารมาให้อาหารสูตรสำหรับลูกสุนัขกับตัวแม่สุนัขแทนค่ะ และให้ไปจนกระทั่งคลอดและลูกสุนัขหย่านม ถ้าแม่สุนัขได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ อาจทำให้ลูกสุนัขไม่แข็งแรงและอัตรการรอดต่ำ แต่ก็ไม่ควรให้แม่สุนัขอ้วนจนเกินไปนัก เพราะแม่สุนัขที่อ้วนเกินไปมักจะมีปัญหาคลอดยากกว่าสุนัขที่มีรูปร่างปกติค่ะ
การฉีดวัคซีนและโปรแกรมการป้องกันโรคต่างๆ ถ้าแม่สุนัขยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี ควรฉีดวัคซีนให้ครบตั้งแต่ก่อนการผสมพันธุ์ หลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนในช่วงที่ตั้งท้อง ควรป้อนยาถ่ายพยาธิให้แม่สุนัขก่อนการตั้งท้องด้วย เพื่อลดโอกาสการติดพยาธิในลูกสุนัข เนื่องจากพยาธิหลายชนิดสามารถติดจากแม่ไปสู่ลูก ผ่านทางรกและทางน้ำนมได้ ส่วนโปรแกรมการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ ในกรณีที่ใช้แบบยากิน (เฉพาะยี่ห้อที่ได้รับการขึ้นทะเบียนนะคะ) สามารถใช้ในสุนัขตั้งท้องได้ตามปกติ ส่วนกรณียาหยดหลัง ถ้าเป็นยี่ห้อ Revolution® มีการทดลองว่าปลอดภัยกับสุนัขตั้งท้อง ส่วนยี่ห้อ Advocate® นั้นทางผู้ผลิตระบุว่าให้สัตวแพทย์เป็นผู้พิจารณาก่อนใช้อีกที ส่วนกรณีที่ใช้เป็นยาฉีดนั้น ในหนังสือคู่มือยาระบุว่าเป็นกลุ่มยาที่ค่อนข้างปลอดภัยกับสัตว์ตั้งท้อง แต่อย่างไรก็ดี ควรปรึกษากับสัตวแพทย์ก่อนฉีดยาอีกทีจะดีกว่าค่ะ
ยาและอาหารเสริม หลีกเลี่ยงการใช้ยาใดๆให้กับสุนัขที่กำลังตั้งครรภ์ ยกเว้นว่าถ้าไม่ได้รับยาแล้วแม่สุนัขอาจเสียชีวิตได้ เพราะยาหลายๆกลุ่มอาจมีผลต่อการพัฒนาของลูกสุนัขในครรภ์ได้ การให้อาหารเสริมอื่นๆกับแม่สุนัขนั้น เช่น แคลเซี่ยม จริงๆแล้วถ้าสุนัขได้รับอาหารที่มีคุณภาพดีและปริมาณเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องเสริม ถ้าเจ้าของมีความต้องการอยากให้อาหารเสริมใดๆกับสุนัขที่ตั้งท้อง แนะนำว่าควรปรึกษากับสัตวแพทย์ดูถึงความจำเป็นในการให้อาหารเสริมชนิดนั้นๆนะคะ
ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดปรสิตภายนอก (เห็บ/หมัด) ถ้าไม่จำเป็นควรงดใช้ไปก่อน แต่ถ้าแม่สุนัขมีเห็บ/หมัดเยอะ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ถึงผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ว่าสามารถใช้ได้หรือไม่ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น